ถ้ากล่าวถึงดินแดนแห่งพญานาค ที่แรกที่หลายท่านนึกถึง คงหนีไม่พ้นจังหวัดหนองคาย ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นจังหวัดที่เป็นเมืองน่าอยู่ และเต็มไปด้วยตำนานลี้ลับของพญานาค
ทุกปีๆช่วงคืนวันออกพรรษา ในแม่น้ำโขงฝั่งจังหวัดหนองคาย โดยเฉพาะที่ อำเภอโพนพิสัย จะมีปรากฏการณ์ “บั้งไฟพญานาค” ซึ่งเป็นลูกไฟประหลาดพวยพุ่งขึ้นมาจากใต้น้ำ
บ้างก็ว่าบั้งไฟพญานาค เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ บ้างก็ว่าเกิดจากน้ำมือมนุษย์ และบ้างก็เชื่อว่าเกิดจากการกระทำของพญานาค เพราะจังหวัดหนองคายได้ชื่อว่าเป็น“เมืองพญานาค” นั่นเอง
นอกจากบั้งไฟพญานาคแล้ว ในจังหวัดหนองคาย ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับพญานาคอีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ความเชื่อว่า มีเมืองมีวังพญานาคอยู่ที่นี่ มีถ้ำประหลาดที่เชื่อกันว่าเป็นถ้ำพญานาค มีคนเคยเห็นสัตว์ตัวยาวในแม่น้ำโขงที่เชื่อกันว่าเป็นพญานาค มีร่องรอยที่ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นรอยพญานาค มีวัดที่เกี่ยวพันกับพญานาค รวมไปถึงมีพระธาตุที่มีความเกี่ยวโยงกับพญานาค อย่าง “พระธาตุบังพวน” ประดิษฐานอยู่อีกด้วย
พระธาตุบังพวน เป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองหนองคาย ตั้งอยู่ในวัดพระธาตุบังพวน ต.พระธาตุบังพวน อ.เมือง ตามตำนานอุรังคธาตุกล่าวว่า ในสมัยพุทธกาลพื้นที่แห่งนี้คือ“ภูเขาลวง” ริมน้ำบางพวน เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าพญานาคทั้งหลาย
ครั้นเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จมาประทับยังดินแดนแถบลุ่มน้ำโขง เหล่าพญานาคได้มาเข้าเฝ้าถวายสักการะพระพุทธองค์ ทำให้ดินแดนแห่งนี้ถูกยกให้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นนับจากนั้นเป็นต้นมา
ต่อมาในสมัยของพระเจ้าจันทน์บุรี เจ้าผู้ครองนครเวียงจันทน์ ได้มีพระอรหันต์ 5 องค์ เดินทางไปยังเมืองราชคฤห์ ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุกระดูกหัวเหน่ากลับมา แล้วจึงสร้างพระธาตุขึ้นเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่ภูลวงแห่งนี้
ส่วนอีกตำนานหนึ่ง เชื่อว่า หลังการก่อสร้างพระธาตุพนมเสร็จสิ้น เหล่าพระอรหันต์ 500 องค์ที่ทำการสร้างพระธาตุพนมได้เดินทางไปอินเดีย อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า นำมาประดิษฐานไว้ยังสถานที่ 4 แห่ง ในเมืองหนองคายและเมืองเวียงจันทน์ โดยหนึ่งในนั้นก็คือ พระธาตุบังพวนนั่นเอง
โดยที่มาของชื่อพระธาตุบังพวนนั้น ตามตำนานกล่าวว่า คำว่า“บังพวน” แผลงมาจากคำว่า“บังคน” (หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า“ขี้โผ่น”) ที่แปลว่ากระเพาะปัสสาวะ ซึ่งเชื่อว่าภายในพระธาตุองค์นี้ นอกจากจะมีพระบรมสารีริกธาตุส่วนกระดูกหัวเหน่าแล้วยังบรรจุพระบังคนหนักของพระพุทธเจ้าเอาไว้อีกด้วย
ในขณะที่หลักฐานทางโบราณคดีไม่สามารถระบุชัดเจนได้ว่าพระธาตุบังพวนสร้างขึ้นในสมัยใด แต่สันนิษฐานว่าอย่างน้อยน่าจะสร้างขั้นก่อนสมัยพระเจ้าโพธิสาลราช แห่งอาณาจักรล้านช้าง แล้วมีการบูรณะครั้งสำคัญในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช โดยทำการก่อพระธาตุองค์ใหญ่ครอบพระธาตุองค์เดิมไว้ ซึ่งสันนิษฐานว่าพระธาตุองค์เดิมเป็นน่าจะสถูปแบบอินเดียโบราณ
จนกระทั่ง ปี พ.ศ. 2513 ได้เกิดภัยธรรมชาติ จนพระธาตุบังพวนได้พังทลายลงมา จากนั้นในปี พ.ศ. 2520 ทางกรมศิลปากร จึงได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระธาตุขึ้นมาใหม่ ตามแบบรูปทรงเดิม และจากนั้นจึงมีการจัดการเฉลิมฉลองสมโภชองค์พระธาตุ ในทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปีเป็นต้นมา
ในวัดพระธาตุบังพวนนอกจากจะมีพระธาตุบังพวนเป็นศูนย์รวมจิตใจและเป็นเจดีย์ประธานแล้ว ยังมีสิ่งน่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สถูปเจดีย์เก่าแก่ พระพุทธรูปโบราณศิลปะล้านช้างที่น่าสนใจอย่างยิ่ง โบสถ์โบราณที่เหลือเพียงซากอิฐก่อในระดับเอว รวมถึงสถานที่เกี่ยวกับพญานาคอีกแห่งหนึ่ง นั่นก็คือ “สระมุจลินท์” หรือ “สระพญานาค” สระน้ำเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่อดีตกาล ซึ่งเป็นที่เคารพสักการของชาวจังหวัดหนองคายเป็นอย่างยิ่ง โดยตามตำนานเล่าว่า…
หลังจากที่ได้มีพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า มาบรรจุไว้ในองค์พระธาตุ ได้เกิดปรากฏการณ์ประหลาด ที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก โดยจู่ๆก็มีสายน้ำพวยพุ่งออกมาจากพื้นดิน โดยที่ไม่มีสาเหตุ พระมหาเทพหลวงและพระมหาเทพพล พระภิกษุที่ดูแลองค์พระธาตุ ได้สังเกตเห็นว่าสายน้ำที่พุ่งขึ้นมานั้นเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ไม่หยุดเสียที ซึ่งเชื่อว่าบริเวณรูที่น้ำพุ่งออกมานั้น คือปากปล่องพญานาคที่เฝ้าปกปักรักษาพระธาตุบังพวน จึงมีการขุดเป็นสระเพื่อรองรับน้ำที่ออกมาจากปล่องในเวลาต่อมา ซึ่งสระพญานาคนี้ มีการสร้างรูปปั้นพญานาค 7 เศียร ศิลปะสมัยล้านช้าง ไว้กลางสระเพื่อความศักดิ์สิทธิ์และความเป็นสิริมงคลอีกด้วย
ในสมัยพระเจ้าวิชลราช กษัตริย์ล้านช้าง ได้ทรงเสด็จมานมัสการพระธาตุ โปรดให้มีการปรับปรุงสระน้ำแห่งนี้ใหม่และนิมนต์พระคุณเจ้า จัดทำพิธีมหาพุทธาภิเษกขึ้น จากนั้นสระมุจลินท์จึงถือเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ และมีการนำน้ำศักดิ์สิทธิ์จากสระแห่งนี้ไปใช้ในพิธีสำคัญในราชสำนักล้านช้างนับจากนั้นเป็นต้นมา
ต่อมาในสมัยต่อมา สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช ได้โปรดเกล้าให้สร้างพระพุทธรูปปางนาคปรก 9 เศียร ไว้ในบริเวณใกล้เคียงกันด้วย
สระพญานาคนี้ ถือเป็นสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดหนองคาย ที่มีความสำคัญมาก โดยในสมัยโบราณ เมื่อมีการแต่งตั้งเจ้าเมืองก็จะมีการนำน้ำจากสระนี้ไปสรงเพื่อความเป็นสิริมงคล และในปัจจุบันน้ำในสระแห่งนี้ก็ยังถูกนำไปใช้ในพิธีสรงมูรธราชาภิเษก พิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา และพิธีศักดิ์สิทธิ์อื่นๆที่สำคัญในราชสำนักอีกด้วย
สำหรับผู้ที่มีความเลื่อมใสศรัทธาในพญานาคนั้น พระธาตุบังพวน และสระมุจลินท์ หรือสระพญานาค ก็ถือเป็นอีกสถานที่หนึ่ง ที่ท่านไม่ควรพลาด ที่จะไปสักการะเพื่อเป็นสิริมงคลสักครั้งหนึ่งในชีวิต
จากเรื่องราวข้างต้น จะเห็นได้ว่า มีเรื่องราวของพญานาคเข้ามาเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตและความเชื่อของมนุษย์มาทุกยุคทุกสมัย ซึ่งความเชื่อเหล่านี้ แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ยาก แต่ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ช่วยจรรโลงจิตใจของคนส่วนใหญ่ให้ฝักไฝ่ในด้านดี ด้วยความเชื่อที่ว่า พญานาคเป็นตัวแทนของสิ่งดีงาม ความมีบุญวาสนา ความอุดมสมบูรณ์ และความร่มเย็นเป็นสุข หากใครนับถือพญานาคแล้วจะต้องดำรงตนให้อยู่ในศีลธรรม และต้องปฏิบัติแต่คุณงามความดี จึงจะได้รับสิ่งดีๆตอบแทนนั่นเอง
บทความโดย :เพจ ตำนาน ความเชื่อ ลี้ลับ พญานาค https://www.facebook.com/NagaHistory/
ห้ามคัดลอกไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น