อาถรรพ์ สร้างสะพานทับถ้ำพญานาค (สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2) - Nagahora

Post Top Ad

Responsive Ads Here

วันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

อาถรรพ์ สร้างสะพานทับถ้ำพญานาค (สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2)

เรื่องราวเร้นลับของพญานาคนั้น หลายท่านคงเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว พระเกจิอาจารย์หลายท่านได้เคยกล่าวว่า พญานาคนั้นเป็นสัตว์มีอิทธิฤทธิ์ สามารถจำแลงแปลงกายเป็นอะไรก็ได้ หายตัวได้ และยังสามารถแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆ ให้คุณและให้โทษได้ด้วยเช่นเดียวกัน หากผู้ใดกระทำการเหมาะสมไม่ลบหลู่ พญานาคก็จะบันดาลให้ร่มเย็นเป็นสุข แต่หากมีการกระทำลบหลู่ ดูหมิ่น หรือล่วงเกิน พญานาคก็สามารถบันดาลสิ่งเลวร้ายให้ได้เช่นเดียวกัน

ในราวปีพ.ศ. 2536-2537 ทางการมีข่าวว่าจะสร้าง สะพานข้ามแม่น้ำโขงมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 มุกดาหาร สะหวันนะเขต ที่จังหวัดมุกดาหาร แต่ในขณะนั้นก็ได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นหลายครั้ง ทำให้โครงการถูกชะลอออกไปก่อน ซึ่งบริเวณน่านน้ำใกล้สถานที่ที่จะทำการสร้างสะพานนี้ มีเรื่องราว เล่าว่า เมื่อประมาณ 30-40 ปีก่อนหน้านี้ มีชาวบ้านได้ออกมานอกระเบียงบ้านในคืนวันเพ็ญ แล้วมองทอดไปยังลำน้ำโขง มองเห็นเรือพายธรรมดาๆลำเล็กๆ ลอยอยู่ไม่ห่างจากริมฝั่งเท่าไหร่นัก ซึ่งเป็นเรือร้างที่ไม่มีคนอยู่ จึงคิดอยากได้เอาไว้ใช้งาน จึงได้ชวนญาติพายเรือออกไปเอา แต่เมื่อพายเข้าไปใกล้ขึ้น..ใกล้ขึ้น เหลืออีกเพียง 10 เมตรจะถึงตัวเรือแล้ว ทันใดนั้น ทุกคนที่มาในเรือ ต่างตกตะลึงแทบช็อค เพราะอยู่ๆ เรือลำดังกล่าวก็ได้ขยายใหญ่ สูงขึ้นกว่าเดิมไม่รู้กี่เท่า จึงได้แต่รีบกลับลำแจวเรือหนีขึ้นฝั่งอย่างไม่คิดชีวิต

ยังมีชาวบ้านได้เล่าต่อไปอีกว่า ตรงบริเวณใกล้กับที่กำลังสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 นี้ ชาวบ้านเคยเห็นตัวอะไรไม่ทราบ ว่ายข้ามลำน้ำ โดยโผล่ส่วนที่พ้นน้ำมีลักษณะคล้ายครีบหลังของปลาว่ายลอยทวนกระแสน้ำ โดยเริ่มต้นว่ายทวนกระแสน้ำจากฝั่งลาวมายังฝั่งไทย ว่ายมายังปากน้ำห้วย หรือบริเวณที่เรียกว่า ห้วยบ้านทราย แต่เมื่อชาวบ้านวิ่งเข้าไปดูใกล้ๆ ก็ปรากฏว่าว่ายหายไปเสียแล้ว

การสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 นี้ แม้จะมีข่าวว่าจะสร้างนานแล้วก็จริง แต่เพิ่งจะลงตัวเรื่องพื้นที่ที่จะสร้าง และเริ่มต้นสร้างจริงๆในปี 2543 ซึ่งขณะเริ่มสร้างได้มีลางร้ายทำลายขวัญคนงานคือ มีคนไปผูกคอตายใน Office ที่เพิ่งสร้างใหม่ ซึ่งยังไม่ได้เริ่มใช้กันเลย ซึ่งการผูกคอตายนี้ไม่มีใครทราบสาเหตุแน่ชัด จนทำให้พนักงานที่จะต้องมาใช้ Office หลังนี้หวาดกลัวมาก

จนทำให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบต้องตัดสินใจ สั่งทำการรื้อถอน Office ทั้งหมด แล้วเอาเหล็กกระเบื้องและวัสดุที่เกี่ยวกับการสร้าง Office หลังนี้ ไปบริจาคถวายให้กับวัดของกระผมแทน จากนั้นทางบริษัทผู้รับเหมา ก็ได้สั่งอุปกรณ์ก่อสร้างเข้ามาใหม่ เพื่อสร้าง Office ในพื้นที่ตำแหน่งเดิม หลังจากนั้นอีก 4-5 เดือน ก็มีลางร้ายครั้งที่ 2 อีกคือคนงานก่อสร้างที่กำลังสร้างสะพานอยู่นั้น ได้ตกนั่งร้านตาย และไม่นานต่อมาก็ได้เกิดลางร้ายครั้งที่ 3 เกิดการตายขึ้นอีกคือ คนงานที่ออกไปทำงานสร้างเสาที่กลางลำน้ำ รู้สึกร้อนอยากล้างหน้า จึงได้ก้มลงไปตักน้ำจากลำน้ำโขงมาล้างหน้า ซึ่งก็ได้ตกน้ำตายอีกคน

เหตุการณ์แปลกๆ อันผิดสังเกตของที่นี่ ทำให้คนงานเริ่มเกิดความสะพรึงกลัว ทีมงานก่อสร้างระส่ำระสาย โดยเฉพาะการสร้างเสาเข็มต้นที่ 11 ของสะพานซึ่งอยู่กลางลำน้ำโขง มีปัญหามากกว่าเพื่อน คือ ตั้งแต่เริ่มทำการตอกเสาเข็มต้นนี้ ตอกยังไงก็ตอกไม่ลง แม้ใช้สว่านนำร่องขุดเจาะก็เจาะไม่ลง ซึ่งวิศวกรก็ใช้ความพยายามทุกรูปแบบ เพื่อดันทุรังเจาะต่อให้ได้ จนหัวสว่านหัก

วิศวกรจึงตัดสินไปจ้างนักประดาน้ำ ให้ดำลงไปดู เพื่อจะเอาหัวเจาะขึ้นมา และดูว่ามันเป็นเพราะอะไร แต่พอดำลงไปนักประดาน้ำก็ต้องพบกับความตกใจสุดขีด เพราะเห็นดวงตาอะไรไม่รู้แดงก่ำเป็นคู่ๆอยู่เต็มใต้น้ำไปหมด ซึ่งกำลังจ้องเขม็งมาที่ตน พอมองต่อไปก็เห็นลำตัวสีเขียวยาวลอยอยู่รอบๆบริเวณนั้น ทำให้เขารีบว่ายหนีขึ้นมาอย่างไม่คิดชีวิต พอขึ้นบกได้ ก็เก็บข้าวของกลับบ้านไปเลย เงินค่าจ้างก็ไม่ยอมรับเลยสักบาท

แต่วิศวกรญี่ปุ่นก็ไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น จึงได้สั่งให้เอาปูนเทลงไปที่ตอม่อของเสาต้นนี้เลย เจาะได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น ซึ่งขณะเทลงไปนั้น ก็ต้องพบแต่ความประหลาดใจสุดขีดอีกครั้ง คือ เทปูนลงไปเท่าไหร่ก็เทไม่เต็มสักที ทำให้เสาต้นนี้ใช้ปูนเป็นจำนวนมากกว่าทุกต้น แต่ในที่สุดก็เทเต็มจนได้

การสร้างสะพานยังคงดำเนินไปท่ามกลางอุปสรรคและความสับสนของเหตุการณ์ประหลาดนานัปการ จนกระทั่งถึงวัน วิสาขะบูชา ปี2548 ยามที่เฝ้าไซท์ก่อสร้างนี้ได้ฝันว่า มีคนใส่ชุดขาวมาบอกว่า “ในวันพรุ่งนี้เป็นวันเข้าพรรษา ให้ยามช่วยไปบอกหัวหน้าด้วยว่าขอให้หยุดงานก่อน 1 วัน เพราะพวกเขาจะอธิษฐานเข้าพรรษากัน” ซึ่งวิศวกรญี่ปุ่นไม่ยอมหยุดตามที่ขอ เพราะเห็นเป็นเรื่องไร้สาระ และในวันที่ 22 กรกฎาคม 2548 วันเข้าพรรษานี่เอง วิศวกรชาวญี่ปุ่น 3 คนได้ลงเรือไปดูงานการวางคานของสะพานด้วยตัวเอง ทั้งๆที่ไม่เคยลองนั่งเรือออกไปดูเลยตั้งแต่เริ่มสร้างมา

และทันใดนั้นเอง...ขณะคนงานกดสวิทช์ เครนก็ได้ยกแท่นปูนเพื่อนำไปวางบนหัวเสาต้นที่ 11 ต้นที่มีปัญหามากที่สุด แต่ยังไม่ทันวางถึงหัวเสาเลย เหตุการณ์อันเลวร้ายอย่างไม่มีใครคาดฝันก็ได้เกิดขึ้น เครนได้พังถล่มหักออกเป็น 3 ท่อน คานยกแท่นปูนและ Sling ได้เหวี่ยงฟาดตัดร่างวิศวกรคุมงานชาวญี่ปุ่นวัย 45 ปี ขาดออกเป็น 2 ท่อนตายทันที และเครนที่หักตกลงกลางสายน้ำนั้นได้ตกลงกระแทกทับวิศวกรบนเรือ 3 คน จมดิ่งสาบสูญไปในลำน้ำทันที ซึ่งตามข่าวได้รายงานว่า

จากเหตุการณ์ครั้งนี้มีคนจมลงไปในน้ำแล้วหาศพไม่พบรวมทั้งหมด 8 คน เป็นวิศวกรใหญ่ชาวญี่ปุ่น 3 คนที่นั่งเรือออกมาดูงานดังกล่าว เป็นชาวฟิลิปปินส์ 1 คน และคนงานไทยอีก 4 คน นอกนั้นบาดเจ็บเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลอีก 7 คน ซึ่งเรื่องนี้ได้กลายเป็นข่าวดังหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับในช่วงวันเข้าพรรษา 22-23 กรกฎาคม พ.ศ.2548 ซึ่งหลังจากนั้นบริษัทผู้รับเหมาทุกบริษัทที่เข้ารับงานสร้างสะพาน พากันหยุดงานเพื่อทำบุญ แต่ไม่นานต่อมาในวันที่ 19 สิงหาคม 2548 เวลาประมาณบ่าย4-5 โมงเย็น ได้มีการบวชกันแบบเงียบๆ โดยคนงาน 8-9 คน พากันบวชแก้บนกัน 7 วัน

จากเหตุการณ์อาถรรพ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มมีการสร้างสะพานแห่งนี้นั้น ได้สังเวยชีวิตของคนงานที่นี่ไปทั้งหมด 17 ชีวิตแล้ว จึงทำให้คนงานที่เป็นคนไทยอีสานและคนงานลาว พาหยุดงานไม่ยอมสร้างสะพานต่อกันเลยเพราะกลัวตาย แต่ก็เหลือคนงานชาวต่างชาติและคนที่ไม่เชื่อยังทำการก่อสร้าง ทำให้การก่อสร้างยังพอขับเคลื่อนไปได้

แต่ถึงกระนั้นเสาเข็มต้นที่ 11 นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่มีใครไปแตะต้อง หรือทำการสร้างต่อเลย ได้แต่ดำเนินการสร้างส่วนอื่นไปก่อน และข่าวนี้ได้ทำให้ชาวบ้านบางกลุ่ม ได้ไปหาเจ้าหน้าที่อากรจังหวัด ซึ่งท่านก็ได้ไปหาร่างทรง ร่างทรงบอกว่าให้ตั้งศาลพญานาคใกล้บริเวณที่ก่อสร้าง เพื่อจะได้อัญเชิญพญานาคขึ้นมา เนื่องจากในบริเวณนั้นเป็นถ้ำพญานาคผู้ปกปักรักษา และดูแลลูกหลานชาวริมโขงมาช้านาน หากตั้งศาลแล้วก็จะได้ทำการสร้างสะพานต่อได้

นอกจากนั้นยังมีชาวบ้านร่ำลืออีกว่า ในช่วงแรกที่มีการก่อสร้างสะพาน องค์พญานาคได้เข้าทรงเด็ก 5 ขวบ และบอกว่าไม่ให้สร้างสะพานบริเวณนี้ เพราะเป็นถ้ำของพญานาค การสร้างสะพานจะอยู่เหนือถ้ำ ซึ่งถือว่าเป็นการลบหลู่ท่านอย่างมาก ถ้าไม่เชื่อและสร้างต่อจะมีคนเสียชีวิตมากมาย

จากนั้นข่าวการที่จะสร้างศาลพญานาคนี้ได้แพร่สะพัดออกไป ทำให้ก็มีชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการสร้างศาลนี้ เพราะไม่รู้ว่าพญานาคจะพอใจหรือไม่ ซึ่งหากพญานาคไม่พอใจพวกเขาอาจจะต้องมีอันเป็นไป จึงคิดต่อต้านการสร้างศาลแห่งนี้ ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่มีการดำเนินการใดๆต่อ

นับแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ทีมงานทั้งหมดหยุดการก่อสร้างทันที เพราะกลัวอาถรรพ์ที่เกิดขึ้น จนกระทั่งได้มีการทำพิธีตั้งศาลพญานาค และสร้างเสาพญานาคขึ้นเพื่ออัญเชิญองค์พญานาคมาสถิตย์ ณ ที่แห่งนี้ หลังจากนั้นไม่นาน เหตุการณ์ต่างๆ จึงเงียบสงบ ทำให้การก่อสร้างสะพานแห่งนี้สำเร็จด้วยดี จนปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และสถาณที่ศักดิ์สิทธิ์ในเส้นทางระหว่างจังหวัดนครพนม – มุกดาหาร และแขวงสะหวันเขต ประเทศลาว ซึ่งศาลพญานาคนี้ชาวจังหวัดมุกดาหาร ได้มีการจัดพิธีบวงสรวงองค์ปู่พญานาคในวันที่ 8-9 มิถุนายน ของทุกปีนั่นเอง

นอกจากนั้นจากความเชื่อทางพุทธศาสนาและศรัทธาของชุมชนลุ่มแม่น้ำโขงที่มีต่อพญานาค ยังเชื่อกันอีกว่า ณ เสาต้นที่ 2 ของสะพานมิตรภาพข้ามแม่น้ำโขงเป็น “ถ้ำพญานาค” ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ชาวบ้านเชื่อว่า เป็นจุดที่ท่านจะขึ้นมาเพื่อให้พรและปกปักรักษาลูกหลาน ใครที่ได้มาสักการะให้ขอพรพญานาค ณ ถ้ำพญานาค ขอโชคลาภ ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตมักสำเร็จผลด้วยดี

จากเหตุการณ์ต่างๆที่ได้เกิดขึ้นในการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 ในข้างต้น ทำให้ผู้ที่มีความเชื่อในเรื่องราวของพญานาคนั้น ยิ่งทวีความศรัทธาในองค์พญานาคเป็นอย่างยิ่ง ดังคำกล่าวที่ว่า พญานาคเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ จะให้คุณกับเราก็ได้ จะให้โทษก็ได้เช่นเดียวกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ยิ่งตอกย้ำให้ความเชื่อที่มีอยู่แล้ว หยั่งรากฝังลึกลงไปในจิตวิญญาณของชาวอีสานมากยิ่งขึ้น เป็นเท่าทวีคูณเลยทีเดียว

บทความโดย : เพจ ตำนาน ความเชื่อ ลี้ลับ พญานาค

ห้ามคัดลอกไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad

Responsive Ads Here