เหตุผลที่ว่า..ทำไมบั้งไฟพญานาคถึงมีอยู่จริง!! - Nagahora

Post Top Ad

Responsive Ads Here

วันพุธที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2561

เหตุผลที่ว่า..ทำไมบั้งไฟพญานาคถึงมีอยู่จริง!!

บั้งไฟพญานาค เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี ที่ลุ่มแม่น้ำโขง โดยจะมีลูกไฟประหลาดผุดขึ้นมาจากน้ำขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็วติดต่อกัน โดยปรากฏการณ์นี้ชาวบ้าน เรียกกันว่า “บั้งไฟพญานาค” นั่นเอง

บั้งไฟพญานาค หรือที่เรียกกันในสมัยก่อนว่า “บั้งไฟผี” เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกลางแม่น้ำโขง สามารถมองเห็นได้จากทั้งฝั่งไทยและลาว มีลักษณะเป็นลูกไฟกลมเรืองแสงขนาดเท่านิ้วมือ ไปจนถึงเท่าไข่ห่าน มีทั้งสีแดงอมชมพู สีแดงทับทิม หรือสีเขียว ไม่มีควัน ไม่มีเขม่า ไม่มีเปลวไฟ และไม่มีเสียง ลอยขึ้นจากน้ำขึ้นไปบนท้องฟ้า และดับหายไปบนอากาศในที่สุด

บั้งไฟพญานาคมักเกิดช่วงวันออกพรรษาของทุกปีเท่านั้น อีกทั้งยังไม่สามารถระบุสาเหตุการเกิดที่แน่ชัดได้ แม้ว่าจะมีนักวิชาการหลายท่านออกมาเสนอแนวคิดว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติบ้าง หรือเกิดจากฝีมือของมนุษย์บ้าง แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าออกมายืนยันอย่างชัดเจนแต่อย่างใด ทำให้บั้งไฟพญานาคยังคงเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่รอการพิสูจน์ต่อไป ในวันนี้เรามี 7 เหตุผล ที่ทำให้เราเชื่อได้ว่า บั้งไฟพญานาคนั้นมีอยู่จริง จะตรงกับความเชื่อของหลายๆท่านหรือไม่ ลองมาอ่านกันครับ

1. วันพระพุทธเจ้าเปิดโลก วันที่เกิดปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคนี้ เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงเสด็จกลับจากเทวโลก และทรงเปิดโลกทั้ง 3 ให้เห็นซึ่งกันและกัน โดยวันดังกล่าว มีมนุษย์ เทวดา นาค ครุฑ คนธรรพ์ ฯลฯ ต่างจัดทำเครื่องบูชามากมาย ทำให้เชื่อได้ว่า พญานาคในลำน้ำโขง ก็ทำดวงไฟนี้ถวายด้วยเช่นกัน

2. ตำนานแม่น้ำโขง ตำนานในลำน้ำโขงในหลายคัมภีร์ได้กล่าวชัดเจนว่า เป็นแม่น้ำโขงนี้ เป็นแม่น้ำที่สร้างโดยพญานาคนามว่า ศรีสุทโธนาคราช ในระหว่างการแข่งขันกับสุวรรณนาคราช จึงเชื่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ แม่น้ำโขงเป็นที่อยู่สำคัญของเหล่าพญานาคทั้งหลาย มีเมืองบาดาลมากมายซ้อนทับอยู่ ซึ่งพญานาคทั้งหลายส่วนใหญ่มีอุปนิสัยใจบุญสุนทาน เมื่อถึงวันสำคัญ ก็ต่างจัดทำดวงไฟถวายแด่พระพุทธเจ้า

3. ตำนานท้องถิ่น ตำนานท้องถิ่นในแถบลุ่มแม่น้ำโขง มีส่วนที่เกี่ยวโยงไปถึงการสร้างองค์พระธาตุพนมที่เก่าแก่มีอายุนับพันปี ซึ่งกล่าวไว้ว่าในช่วงท้ายพุทธกาลนั้น พระพุทธองค์ทรงเคยเสด็จมาในดินแดนแห่งนี้มาก่อน และทรงกำราบพญานาคที่มีมิจฉาทิฐิมากมาย รวมถึงเสด็จมาโปรดเหล่าพญานาคที่มีสัมมาทิฐิอีกหลายตน จึงเชื่อว่า พญานาคเหล่านั้น เป็นกำลังสำคัญในการสร้างดวงไฟนี้ขึ้นนั่นเอง

4. ความลี้ลับของดวงไฟประหลาด ความลี้ลับของดวงไฟประหลาดนี้ มีหลายประการที่คนในยุดปัจจุบันพยายามพิสูจน์ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย และต่างให้ความเห็นต่างๆ มากมาย แต่สุดท้ายก็ยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้ ดังนั้น คนส่วนใหญ่จึงยังเชื่อว่า ดวงไฟประหลาดนี้ เป็นบั้งไฟพญานาคอย่างแน่นอน

5. พระพุทธรูปและพระธาตุเก่าแก่ริมแม่น้ำโขง สังเกตได้ว่า ที่สองฝากฝั่งทั้งซ้ายและขวาของลำน้ำโขงนี้ มีพระพุทธรูปเก่าแก่ และพระธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองมากมาย ซึ่งล้วนแต่เป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนาทั้งสิ้น จึงเป็นไปได้ว่าดวงไฟประหลาดนี้ เกิดขึ้นด้วยเหล่าพญานาคที่ต้องการบูชาพระพุทธรูปและพระธาตุศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ซึ่งเป็นดั่งตัวแทนของพระพุทธองค์นั่นเอง ทั้งยังเชื่ออีกว่า ปูชนียสถานดังกล่าวนั้น ล้วนมีพญานาคมาร่วมสร้างด้วยทั้งสิ้น

6. อายุพระพุทธศาสนา 5,000 ปี อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ตามตำนานนั้นพระพุทธศาสนาจะคงอยู่ถึง 5,000 ปี และยังมีตำนานอีกว่า เมื่อถึงยุคหลังกึ่งพุทธกาลไปแล้ว องค์อินทร์ พร้อมเหล่าบริวาร จะออกมาแสดงฤทธานุภาพ ช่วยปกป้องพระพุทธศาสนามากขึ้น รวมถึงพญานาค ครุฑ ยักษ์ และเทวาอารักษ์ต่างๆ ก็ล้วนพร้อมใจออกมาแสดงปาฏิหาริย์ เพราะทราบกันดีว่า เป็นช่วงปลายของพระศาสนาแล้ว การแสดงอานุภาพต่างๆนั้นล้วนทำให้ผู้คนได้สนใจศรัทธา หรือยำเกรงในพระรัตนตรัยมากขึ้น จึงเป็นความจำเป็นอย่างหนึ่ง ที่จะทำให้คนมีสติ และตั้งมั่นในคุณงามความดีนั่นเอง

7. ช่วงเวลาที่เกิด ช่วงเวลาที่เกิดของดวงไฟประหลาดที่เรียกกันว่า บั้งไฟพญานาคนี้ สำคัญอย่างมาก คือ เกิดปีละครั้ง เกิดในวันสำคัญ และเกิดในเวลาตรงกันทุกๆปี ทำให้เชื่อได้ว่า เป็นดวงไฟมหัศจรรย์ที่ปรากฏขึ้น เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา คือ วันออกพรรษา หรือ วันพระพุทธเจ้าเปิดโลกนั่นเอง

ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า ตำนานบั้งไฟพญานาคนั้น เป็นเรื่องราวที่กล่าวขานกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ และในปัจจุบันก็ยังคงมีให้เห็นอยู่ ถือเป็นความเชื่อเฉพาะกลุ่ม เฉพาะบุคคล ที่ยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้ ในแต่ละปียังคงมีผู้คนมากมายหลั่งไหลไปชมบั้งไฟพญานาคที่ริมแม่น้ำโขงกันอย่างไม่ขาดสาย ทำให้ตำนานนี้เป็นอีกหนึ่งตำนานลี้ลับ ที่ยังคงอยู่ในความเชื่อของคนไทย และยังรอการพิสูจน์ต่อไป

บทความโดย :เพจ ตำนาน ความเชื่อ ลี้ลับ พญานาค

ห้ามคัดลอกไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad

Responsive Ads Here