ระวังอย่าลบหลู่ 10 สถานที่อยู่ของพญานาค

“พญานาค” เป็นสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติที่อยู่ในความเชื่อของคนไทย และชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาช้านาน เชื่อกันว่าพญานาคนั้นเป็นสัตว์กึ่งเทพ ที่อยู่ในภพภูมิที่คนธรรมดาไม่สามารถมองเห็นได้ ทั้งยังมีอิทธิฤทธิ์สามารถบันดาลสิ่งต่างๆได้ตามที่ปรารถนา แม้ว่าพญานาคนั้นจะอยู่ในภูมิที่ต่ำกว่ามนุษย์ เพราะยังเป็นกึ่งเดรัจฉานอยู่ แต่กลับมีฤทธานุภาพมากมาย จนกลายเป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไปเป็นจำนวนมาก

ความเชื่อว่าพญานาคมีอยู่จริงหรือไม่นั้น ยังคงเป็นที่ถกเถียงของคนส่วนใหญ่ มีคนจำนวนมากที่เชื่อและหลั่งไหลไปสักการบูชาพญานาคในที่ต่างๆ โดยตามความเชื่อแล้ว ถิ่นที่อยู่ หรือ “วิมาน”ของพญานาคนั้นมีอยู่หลายแห่งแตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชาติกำเนิด การบำเพ็ญเพียร และบุญบารมีที่พญานาคแต่ละตนได้สั่งสมมา โดยเชื่อว่าถิ่นที่อยู่ของพญานาคมีดังนี้

1. สวรรค์ มีพญานาคจำนวนหนึ่ง ที่มีถิ่นอาศัยอยู่บนสวรรค์ โดยสวรรค์ชั้นที่เหล่านาคอยู่นั้นเรียกว่า “ชั้นจาตุมหาราชิกา” โดยจะเรียกนาคเหล่านั้นว่า “นาคสวรรค์” นาคสวรรค์เป็นนาคที่มีบุญญานุภาพสูงกว่านาคชนชั้นอื่นๆ โดยมากมักเป็นนาคในตระกูลสีทอง หรือตระกูลสีเขียว เป็นบริวารของเหล่าเทวดา หรือมีหน้าที่คอยรักษาวิมาน โดยที่อยู่ของนาคสวรรค์นั้นจะงดงามเป็นทิพย์ทั้งหมด และนาคเหล่านั้นก็กินอาหารทิพย์เช่นกัน

2. วิมานของตนเอง ยังมีนาคบางจำพวกที่อาศัยอยู่ในวิมานของตนเอง คือวิมานที่ล่องลอยอยู่ในอีกมิติหนึ่ง แต่ไม่ได้เจาะจงว่า อยู่ในที่ใด โดยมากมักเป็นมิติที่ซ้อนทับอยู่ระหว่างโลกมนุษย์ กับสวรรค์ อาจอยู่ระหว่างภูเขา ระหว่างแหล่งน้ำ หรืออยู่ใกล้กับองค์พระธาตุศักดิ์ เช่นพระธาตุพนม ที่เชื่อว่ามีพญานาคคอยปกปักรักษาอยู่ พญานาคเหล่านี้ถือกำเนิดขึ้นด้วยบุญบารมีมาก จึงมีวิมานเป็นของตนเอง

3. แม่น้ำขนาดใหญ่ พญานาคที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำขนาดใหญ่นั้น โดยมากมักอยู่กันเป็นเมืองใต้น้ำ มีพญานาคราชผู้มีบุญบารมีปกครองอยู่ โดยแม่น้ำขนาดใหญ่ เช่น แม่น้ำโขง แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน่าน ล้วนแต่เชื่อว่ามีนครบาดาลของพญานาคอยู่ทั้งสิ้น โดยเคยมีพระเกจิอาจารย์นักปฏิบัติได้เคยเทศนาไว้ว่า นครบาดาลนั้นมีความงดงามมาก เต็มไปด้วยทองคำ เป็นดินแดนอันเป็นทิพย์ ยากที่คนธรรมดาจะสัมผัสได้ ผู้คนใต้นครบาดาลก็ล้วนแต่มีหน้าตางดงามนั่นเอง

4. แม่น้ำขนาดเล็ก นอกจากแม่น้ำใหญ่แล้ว ยังมีพญานาคจำพวกหนึ่งที่อาศัยอยู่ตามแม่น้ำขนาดเล็ก รวมถึงลำคลอง หรือลำห้วยต่างๆ แต่ก็ไม่ใช่ทุกที่ ที่จะมีพญานาคอาศัยอยู่ทั้งนี้เชื่อว่าพญานาคที่อาศัยอยู่แม่น้ำขนาดเล็กนั้นจะไม่มีบริวาร มักเป็นพญานาคที่มีบุญน้อย และต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว บางตนอยู่เพื่อบำเพ็ญตบะ บางตนอยู่เพื่อเสวยกรรม และโดยส่วนใหญ่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับภพภูมิอื่น คืออยู่อย่างสันโดษนั่นเอง

5. บึง หรือหนองน้ำใหญ่ เป็นที่เชื่อกันว่าที่บึง หรือหนองน้ำใหญ่ต่างๆนั้น ล้วนแต่มีพญานาคอาศัยอยู่ เช่น บึงโขงหลง ทะเลสาบหนองหาน หรือ ทะเลสาบเชียงแสน เป็นต้น และบึงน้ำเหล่านี้ต่างก็มีประวัติเกี่ยวข้องกับพญานาคทั้งสิ้น และยังเชื่อว่าภายใต้บึงหรือหนองน้ำเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นที่อยู่ของพญานาคเช่นกัน ซึ่งพญานาคที่อาศัยอยู่ในบึงหรือหนองน้ำส่วนใหญ่ ก็เป็นพญานาคที่ต้องบำเพ็ญเพียรเพื่อชดใช้กรรม หรือสร้างสมความดีนั่นเอง

6. ในถ้ำต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นถ้ำขนาดใหญ่ กลาง หรือเล็ก ล้วนเป็นที่อยู่ของพญานาคได้ทั้งสิ้น ดังที่พระสายกรรมฐานสายป่าได้เล่าไว้ในประวัติท่าน ในคราวออกธุดงค์ บ้างอยู่บำเพ็ญบุญ อยู่เฝ้าสมบัติ อยู่เพื่อเสวยกรรม ส่วนใหญ่มักอยู่อย่างโดดเดี่ยว

7.ต้นไม้ใหญ่ ต้นไม้สำคัญ หรือในป่าใหญ่ โดยมากพญานาคจะอยู่ระหว่างโคนไม้มากกว่า ไม่นิยมอยู่ในที่สูง เพราะมักเป็นที่อยู่ของเทวดา จึงอยู่ภายใต้ต้นไม้สำคัญนั้น

8. ทะเลหรือมหาสมุทร ล้วนเป็นที่อยู่สำคัญของพญานาค ส่วนใหญ่เป็นพญานาคผู้มีศักดิ์ใหญ่ เพราะต้องปกครองบริวาร อยู่เป็นเมือง มีสังคม กฎเกณฑ์ชัดเจน

9. ภูเขาทั่วไป เป็นที่อยู่สำคัญอีกที่ของพญานาคอีกที่ ทั้งภูเขาขนาดใหญ่ ขนาดเล็ก จะอยู่เป็นสังคม เป็นเมือง มีบริวาร มีบ้างที่อยู่อย่างโดดเดี่ยว มีการปกครองโดยพญานาคผู้มีบุญญานุภาพสูง

10. บาดาลหรือพื้นดิน บางตำรากล่าวว่าลึกลงไปราว 16 โยชน์ (หลายร้อยกิโลเมตร) ใต้พื้นโลกนี้ เป็นที่อยู่พญานาคที่เรียกว่า บาดาล แต่บางตำรา หมายถึง มิติหรือภพภูมิที่ซ้อนทับอยู่ระหว่างในพื้นดินนั้น ไม่ได้บอกว่าลึกเท่าใด แต่ก็หมายเอาว่า เป็นเมืองบาดาล บ้างเล่าว่า อยู่ใต้แม่น้ำโขง เป็นเมืองบาดาลขนาดใหญ่ จะว่าเป็นเมืองหลวงก็ใช่ เพราะมีพญานาคอยู่กันมาก มีการปกครอง มีกฏระเบียบและแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ไม่ว่าเราจะไปที่ใด หรืออยู่ในที่ไหน ก็สมควรให้ความเคารพยำเกรงต่อสถานที่นั้นๆ โดยเฉพาะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เพราะที่กล่าวมาล้วนเป็นที่อยู่สำคัญของเหล่าพญานาคผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ ซึ่งมีทั้งเป็นสัมมาทิฐิ และมิจฉาทิฐิ คือ ใจดีและใจร้ายนั่นเอง