“เมืองบาดาล” คำๆ นี้ เมื่อได้ฟังแล้ว ชวนให้นึกถึงดินแดนอันเป็นปริศนา ที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ว่ามีอยู่จริงหรือไม่ มักใช้เรียกสถานที่ลึกลับ ที่มาพร้อมกับตำนานเล่าขาน ซึ่งโดยส่วนมากก็จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องราวเร้นลับที่ไม่สามารถหาคำตอบได้
แต่ “เมืองบาดาล” บางแห่ง อาจรวมไปถึงสถานที่ ที่ได้จมลงไปสู่พื้นน้ำ โดยเกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์ หรือเกิดจากภัยธรรมชาติ แต่ไม่ว่าอย่างไร "เมืองบาดาล" แต่ละแห่งก็มีมนต์เสน่ห์ที่แตกต่างออกไป ที่ชวนให้เราได้ไปสัมผัสกัน
ตามความเชื่อของชาวอีสานแล้ว เมืองบาดาลใต้พิภพนั้น เชื่อว่าเป็นสถานที่อยู่ของพญานาค ซึ่งเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ที่มีกายทิพย์ อาศัยอยู่ในมิติที่ซ้อนทับมิติของโลกมนุษย์อยู่ สามารถจำแลงแปลงกายเป็นอะไรก็ได้ ทั้งยังสามารถแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆได้อีกด้วย
เมืองบาดาลที่มีเรื่องเล่าขานกันมากที่สุด คงหนีไม่พ้นเมืองบาดาลแห่งลุ่มแม่น้ำโขง เพราะแม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำสายใหญ่ ที่ทอดยาวผ่านหลายประเทศ และบางส่วนของแม่น้ำโขง ก็เป็นที่กั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทยและลาวอีกด้วย ดังนั้นลำน้ำโขงในส่วนนี้นี่เอง ที่เป็นที่มาของตำนานเรื่องเมืองบาดาล ที่เกี่ยวพันกับเหตุการณ์และความมหัศจรรย์ของปรากฏการณ์ต่างๆมากมาย และในวันนี้ เรามีอีกสถานที่หนึ่ง ที่เชื่อว่าเป็นดั่งเมืองหลวงของพญานาค เป็นจุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขง ทั้งยังเป็นสถานที่ ที่เล่าขานกันว่าเป็นต้นกำเนิดแห่งบั้งไฟพญานาค นั่นก็คือ “แก่งอาฮง สะดือแม่น้ำโขง เมืองหลวงแห่งพญานาค” นั่นเอง
“แก่งอาฮง” ตั้งอยู่ที่วัดอาฮงศิลาวาส ตำบลหอคำ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ ในฤดูน้ำหลาก บริเวณ แก่งอาฮง จะปรากฏกระแสน้ำไหลวนเป็นรูปกรวยอย่างเห็นได้ชัด สิ่งนี้ได้สร้างความประหลาดใจแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก ชาวบ้านจึงตั้งชื่อจุดที่เกิดน้ำวนนี้ว่า “สะดือแม่น้ำโขง”
แม้ในช่วงน้ำลด ก็ยังสามารถมองเห็นแอ่งตรงบริเวณนั้นได้อย่างชัดเจน ชาวบ้านจึงลองเอาเชือกไปผูกติดกับก้อนหิน แล้วหย่อนลงตรงสะดือแม่น้ำโขงจนสุด วัดความลึกได้ถึง 99 วา หรือประมาณ 200 เมตร ถือว่าจุดนี้เป็นจุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขงก็ว่าได้
นอกจากนี้ชาวบ้านยังมีความเชื่อกันว่า ที่ใต้สะดือแม่น้ำโขงนั้นมีถ้ำขนาดใหญ่และเป็นเมืองหลวงของพญานาค เป็นสถานที่อยู่ของราชาพญานาคตั้งแต่อดีตกาล เป็นจุดศูนย์กลางการปกครองนาคพิภพ โดยถ้ำแห่งนี้สามารถใช้สัญจรไปฝั่งลาวได้ซึ่งจะไปทะลุที่ “ภูงู” ส่วนทางออกอีกด้านคือเมืองคำชะโนด จ.อุดรธานี เป็นหนึ่งในสามทางออก ที่พญานาคนามว่า “พญาศรีสุทโธนาคราช” ได้ขอพระอินทร์เอาไว้ และนี่ก็คือสาเหตุที่ว่าทำไมน้ำในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์จึงไม่เคยเหือดแห้งไป ก็เพราะบ่อน้ำนี้ได้เชื่อมกับสะดือแม่น้ำโขง เมืองหลวงพญานาคนั่นเอง
พิภพนาคานั้น ประกอบด้วยชนชั้นปกครอง ชนชั้นใต้ปกครอง และแบ่งเป็นเมืองต่างๆ เหมือนกับโลกมนุษย์ ดังปรากฏในเรื่องพญานาคแปลงเป็นหมูสะกดหญิงสาวพาไปเมืองบาดาล ว่า “ที่นี่เป็นเมืองบาดาลและเป็นเมืองหน้าด่าน ส่วนตัวเมืองหลวงนั้นยังอยู่อีกไกล” กล่าวได้ว่าความเชื่อเรื่อง เมืองหลวงพญานาคนั้น น่าจะมีอยู่จริง ไม่ได้กล่าวขึ้นมาเล่นๆอย่างเลื่อนลอย แต่อย่างใด
เมื่อมีเมืองหลวงพญานาคก็ย่อมต้องมีพญานาคอาศัยอยู่เป็นธรรมดา ดังใจความในตำนานพญานาคสองฝั่งโขงตอนหนึ่งว่า…
พญาโอฆินทรนาคราช อาศัยอยู่ที่สะดือแม่น้ำโขง หรือ เมืองหลวงพญานาค ซึ่งถือว่า เป็นศูนย์กลางการปกครองของนาคพิภพ มีบุตรนามว่า มธุรนาคราช เมื่อเจริญวัยเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ได้ติดตามบิดาขึ้นไปบนพื้นโลก และทั้งคู่ก็ได้แลเห็นเหตุการณ์วันเทโวโรหนะ ขณะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเปิดโลก ครั้งนั้น ทั้งพญานาคและมนุษย์ เมื่อได้ยลพุทธลักษณะ ต่างก็บังเกิดความศรัทธาเคารพเลื่อมใสเป็นอย่างมาก จึงต่างตั้งใจบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตามสติปัญญาและอนุภาพของตน ซึ่งด้วยฤทธานุภาพของพญานาค ทำให้สามารถกลั่นดวงประทีปหรือบั้งไฟ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาได้ ดังนั้น พญาโอฆินทรนาคราช จึงได้พ่นบั้งไฟ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาเป็นครั้งแรก ที่สะดือแม่น้ำโขงแห่งนี้นี่เอง
จากตำนานดังกล่าว นับได้ว่านี่เป็น ครั้งแรกที่พญานาคพ่นไฟเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และเกิดขึ้นที่สะดือแม่น้ำโขง แสดงให้เห็นว่าพญานาคที่อาศัยในเมืองหลวงพญานาคนั้น ต้องเป็นพญานาคที่มีบุญบารมีมาก อีกทั้งต้องหมั่นบำเพ็ญศีลภาวนาอย่างสม่ำเสมอ จึงทำให้เกิดแรงปิติ และมีฤทธานุภาพมาก จนสามารถพ่นบั้งไฟพญานาคได้
ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นเล่าว่า เมื่อหลายปีก่อน มีคนเคยเห็นบั้งไฟพญานาคโตเท่ากับแทงก์น้ำ มีสีเขียวสว่างสดใส พุ่งขึ้นจากใต้น้ำ สูงขึ้นไปประมาณ 20 เมตร จนบริเวณใกล้เคียงสว่างไสว ราวกับว่าเป็นเวลากลางวันเลยทีเดียว
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมบั้งไฟพญานาคที่ขึ้นจากสะดือแม่น้ำโขง ถึงมีสีเขียวนวล ทั้งๆที่บั้งไฟพญานาคที่พบเห็นทั่วไปจะมีสีแดงอมชมพู หรือสิ่งที่เกิดขึ้น อาจเนื่องมาจากเหตุผลที่ว่า สะดือแม่น้ำโขงนี้ เป็นศูนย์รวมของการปกครองแห่งนาคพิภพก็เป็นได้
ดังนั้นเมื่อวันออกพรรษามาถึงเมื่อไหร่ สะดือแม่น้ำโขง จึงถือเป็นจุดชมบั้งไฟพญานาคอีกแห่งที่ไม่ควรพลาด เพื่อพิสูจน์ว่า บั้งไฟพญานาคจากเมืองหลวงพญานาคนั้น จะมีความพิเศษกว่าบั้งฟังพญานาคจากที่อื่นอย่างไร
บทความโดย : เพจ ตำนาน ความเชื่อ ลี้ลับ พญานาค https://www.facebook.com/NagaHistory/
ห้ามคัดลอกไปใช้ ก่อนได้รับอนุญาต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น